บทความ สุขใจในวันฝนพรำ
แปลกแต่จริงที่เมื่อถึงฤดูฝน หลายคนที่สุขภาพจิตดีเป็นปกติ กลับกลายเป็นคนขี้เหงา มีอารมณ์ซึมๆ เศร้าๆ ยามที่ท้องฟ้าขมุกขมัวและฝนโปรยปราย หารู้ไหมว่าภายหลังท้องฟ้าที่ขมุกขมัวมีฝนมืดคลึ้มนั้น ยังมีฟ้าสีครามสดใสให้เราได้สูดอากาศอย่างเต็มปอด อย่างที่เราเรียกว่า “ ฟ้าหลังฝนไง”
ธรรมชาติมอบความเย็นฉ่ำผ่านมากับเม็ดฝนให้โลกได้สดชื่น ต้นไม้ใบหญ้าได้เจริญงอกงาม นกกาได้เริงร่าบินว่อนไปว่อนมาบนท้องฟ้าสีครามแสนสวย ปลาใหญ่ปลาน้อยใต้หนองน้ำกระดิ๊กกระดี้เริงร่าแหวกว่ายไปมาอย่างร่าเริงใจ แล้วคนเราจะกลัวอะไรกับสายฝน หยดน้ำหยดน้อยๆที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกในอากาศให้กับเรา บอกลาความเหงา ความเศร้า อย่ามัวรีรออีกเลย ออกไปสูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด ปล่อยใจให้เบาสบาย ให้หยดน้ำฝนชะล้างความเศร้าออกให้หมด ฟังเสียงฝนคลอเคล้ากับจิ้งหรีดเรไร มองดูชีวิตผู้คน แล้วจะพบกับความรื่นรมย์ในสรรพสิ่งรอบตัว แทนการบิลท์ตัวเองให้หงอยเหงาโดยใช่เหตุ
ในขณะที่หลายคนก็บ่นว่า ใช้ชีวิตลำบากจัง วันทั้งวันได้ยินแต่เสียงฝนตก จะออกไปไหนมาไหนก็กลัวเปียกฝน กลัวเป็นไข้หวัด และไม่อยากผจญกับความเฉอะแฉะ เลยต้องทนจับเจ่าอยู่กับบ้าน ในห้องสี่เหลี่ยมที่อยู่มาจนเบื่อหน่าย จะออกไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ได้ดั่งใจหวัง คิดแล้วก็เลยต้องนั่งเครียด คุณเป็นหนึ่งคนในนี้ใช่หรือป่าวคะ?
อยากจะบอกว่าการดำรงชีวิตในแต่ละวันนั้น ไม่สามารถรอฟ้ารอฝนให้เป็นใจได้หรอกคะ เราดำเนินชีวิตอยู่ใต้ฟ้ามีชายคาคอยป้องแดด ป้องกันฝน หากเรายังยึดติดอยู่ว่าฝนที่ตกลงมาจากฝากฟ้าเป็นอุปอุปสรรค์ในการดำเนินชีวิตของเรา เราจะต้องสูญเสียเวลาอันมีค่าในทุกขณะการดำเนินชีวิตของเราไปอย่างน่าเสียดาย อย่ากระทำอย่างนั้นเลย ฤดูฝนหมุนเวียนมาแค่ปี่ละหนึ่งหน หมุนเวียนมาให้ทุกคนได้เย็นฉ่ำสุขกายสบายใจ มาเปิดโอกาสให้ตนเองมีความสุขไปกับฤดูฝนกันเถอะ ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ อย่าลืมว่าเรามีอุปกรณ์กันฝนอยู่ พกพาร่มหรือเสื้อกันฝนไปด้วยเพื่อความสบายใจ แต่ถ้าไม่อยากออกจากบ้านก็จัดงานสนุกๆขึ้นสำหรับคนในครอบครัวและเพ่อนฝูงที่คุ้นเคย กินข้าว เปิดเพลงคลอเบาๆ พูดคุยกันสนุกสนานรื่นเริงตามสไตส์ที่คุณชื่นชอบ เพียงเท่านี้ก็สามารถบอกลาความเหงาได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น